
Star Wars: Obi-Wan Kenobi (2022) เรียกได้ว่า ‘Obi-Wan Kenobi’ หรือ ‘โอบีวัน เคโนบี’ น่าจะเป็นซีรีส์ที่แฟนๆ Star Wars รอคอยมากที่สุดแห่งปีแล้วล่ะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ตัวละครอย่าง ‘โอบีวัน เคโนบี’ (Obi-Wan Kenobi) นั้นถือเป็นตัวละครสำคัญของจักรวาลหลัก หรือที่เรียกกันว่า ‘Skywalker Saga’ เลยก็ว่าได้ และเรื่องราวของปรมาจารย์เจได ผู้มีส่วนทำให้เกิดรอยแยกของเรื่องราวในตระกูลสกายวอล์กเกอร์ ก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้สำรวจได้อีกไม่รู้จบ
ตัวซีรีส์รับเหมากำกับโดย ‘เดบอราห์ เชา’ (Deborah Chow) ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์หญิงจากสตาร์ วอร์ส ซีรีส์ ของ Disney+ ทั้ง ‘เดอะ แมนดาโลเรียน’ (The Mandalorian) และ ‘คัมภีร์แห่งโบบาเฟตต์’ (The Book of Boba Fett) ซึ่งความแตกต่างของซีรีส์เรื่องนี้คือ เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่จะมีเพียง 1 ซีซันถ้วน โดยมีการปล่อย 2 ตอนแรกออกมา ก่อนจะทยอยปล่อยทีละตอนจนครบ 6 ตอนทุกสัปดาห์ สนับสนุนหนังดีๆจาก คาสิโนออนไลน์ และ ช่องดูบอล
ตัวเนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องต่อมาจาก Star Wars ไตรภาคต้น (เอพิโซด 1-2-3) ครับ หรือเป็นเหตุการณ์ 10 ปีให้หลังจาก ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’ (2005) นั่นเอง หลังจากที่พัลพาทีน (ดาร์ธ ซิเดียส) ได้ออกคำสั่ง ‘Order 66’ เพื่อล้างบางเจไดทั้งกาแล็กซี ผลก็คือ ทหารโคลนของจักรวรรดิ์ได้ออกตามล่าเจไดทั่วจักรวาล ทำให้นิกายเจไดล่มสลาย ส่วนเจไดที่รอดก็ต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนไปคนละทิศละทาง
ส่วนปรมาจารย์เจไดอย่าง ‘โอบีวัน เคโนบี’ (Ewan McGregor) หลังจากที่ต่อสู้กับอดีตศิษย์รักอย่าง ‘อนาคิน สกายวอล์คเกอร์’ (Anakin Skywalker) เขาเลือกที่จะหนีมาอาศัยอยู่ในถ้ำกลางทะเลทรายบนดาวทาทูอีนด้วยความรู้สึกหมดหวังและรู้สึกผิดที่กำจัดศิษย์รักของตัวเอง จนบางครั้งเขาเองก็ฝันร้าย
และเปลี่ยนตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาๆ ที่มีชื่อว่า ‘เบน’ เพื่อหลบหนีการตามล่าของจักรวรรดิที่กำลังแผ่ขยายอำนาจ นอกจากนี้ เขาเองก็ยังไม่ทราบว่า
อนาคินกำลังจะกลายเป็น ‘ดาร์ธ เวเดอร์’ (Hayden Christensen) ผู้นำแห่งกองทัพกาแล็กติก ผู้นำความมืดครอบงำกาแล็กซีทั้งปวง
ส่วนเนื้อเรื่องใน 2 อีพีแรก จะเน้นไปที่การปูเรื่องครับ ในอีพีแรกจะมีความยาวร่วมชั่วโมง เพราะมี Recap เหตุการณ์ในไตรภาคต้น (เฉพาะเส้นเรื่องของโอบีวันกับอนาคิน) บวกเข้าไปด้วย ก่อนจะเริ่มเล่าถึงชีวิตในช่วงมืดมนของโอบีวัน ที่ตอนนี้กลายเป็นคนงานแล่เนื้อแลกเศษเงินไปวันๆ และคอยเฝ้า ‘ลุค สกายวอล์กเกอร์’ (Grant Feely) วัยเด็กที่เขาฝากไว้กับลุงโอเวน (Joel Edgerton) และป้าเบรู (Bonnie Piesse) อยู่ห่างๆ
เพื่อหวังว่าเขาเองจะกลายมาเป็นความหวังใหม่ที่คืนสมดุลแห่งพลังมาสู่จักรวาล
จนกระทั่งวันหนึ่ง อินควิซิเตอร์ (Inquisitor) ที่พัลพาทีนจัดตั้งเพื่อตามล่าเจไดทั่วจักรวาล ที่ประกอบไปด้วย ‘แกรนด์ อินควิซิเตอร์’ (Rupert Friend)
‘เรวา “ภคณีที่ 3” ‘ (Moses Ingram) และ ‘ภราดรที่ห้า’ (Sung Kang) เดินทางมาถึงดาวทาทูอีนเพื่อตามหาเจได ในขณะที่โอบีวันก็ทราบว่า ‘เลอา ออร์กานา’ วัยเด็ก (Vivien Lyra Blair) โดยแก๊งของ ‘เวกต์ โนกรู’ (Flea มือเบส ‘Red Hot Chili Peppers’) ลักพาตัวไป ทำให้ลุงเบนต้องออกผจญภัยอีกครั้งในรอบทศวรรษ หลบหนีการไล่ล่าของอินควิซิเตอร์ และได้ทราบความจริงบางอย่างที่ทำให้เขาเองรู้สึกว่า ‘ภัยมืด’ กำลังจะคืบคลานมาถึงเขาอีกครั้ง
จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ที่ผู้เขียนสัมผัสได้อย่างหนึ่งก็คือ การพยายามพาซีรีส์กลับไปเป็น Canon ให้กับเส้นเรื่องเวอร์ชันภาพยนตร์หรือที่เรียกกันว่า ‘Skywalker Saga’ นั่นเองครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ซีรีส์สองเรื่องแรก แม้จะอยู่ภายใต้เส้นเหตุการณ์เดียวกัน แต่ตัวเนื้อเรื่องนั้นเป็นการเล่าเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ ที่ตีคู่ขนานโดยไม่ได้ปะติดปะต่อกับ Saga หลัก แต่กับซีรีส์เรื่องนี้ ชัดเจนว่าทีมงานพยายามที่จะให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Saga
ที่เกิดจากผลกระทบจากไตรภาคต้น และมีผลกระทบไปถึงไตรภาคหลัก (4-5-6) รวมทั้งสปินออฟทั้งหลายทั้งมวลในระหว่างทั้งสองไตรภาคนี้ด้วย
หลักฐานที่ชัดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการหยิบเอามรดกจากภาพยนตร์ Skywarker Saga มาใช้ตรงๆ เลย เช่น การใช้ไตเติลเปิด – ปิด ที่ย้อนกลับไปใช้รูปแบบคลาสสิกที่แฟน Star Wars โคตรจะคุ้นเคย ทั้งการปรากฏคำว่า “A long time ago in a galazy far, far away” (“กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ กาแล็กซี อันไกลแสนไกล”) และการใช้ตัวหนังสือสีฟ้า วางบนแบ็กกราวด์ภาพอวกาศที่มีดวงดาวระยิบระยับ จะขาดก็แค่โลโก Star Wars สีเหลืองๆ กับ Opening Crawl (แถบตัวหนังสือบอกชื่อเอพิโซดและเรื่องย่อ) เท่านั้นเอง ดูหนังออนไลน์ฟรี
รวมทั้งการใส่ Recap สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเอพิโสด 1-2-3 โดยเฉพาะไทม์ไลน์ของโอบีวัน และอนาคิน และด้วยเงื่อนไขที่ตัวซีรีส์นั้น
เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่เล่าต่อมาจากเอพิโสด 3 โดยที่จะไม่ได้มีภาคต่อนี่แหละ ก็ยิ่งทำให้ตัวเรื่องสามารถสำรวจค้นหาเรื่องราวชะตากรรมของโอบีวัน ตัวละครที่แฟนๆ Star Wars ชื่นชอบ และตัวละครอีกเยอะแยะได้อีกเยอะแยะทั่วจักรวาล รวมทั้งเหตุการณ์หลังจาก Order 66 ก็เป็นไฮไลต์สำคัญที่แฟนๆ เองก็สนใจใคร่รู้ และรอวันที่เรื่องราวจะถูกเติมเต็มมาโดยตลอด
ในแง่ของตัวเรื่อง แน่นอนว่าเป็นโจทย์ที่หินสำหรับทีมงานอยู่เหมือนกันนะครับ ใน 2 Ep. แรก จริงๆ ตัวเรื่องเองถือว่าค่อนข้างเดินช้าเลย
แต่ก็ถือว่าเป็นการปูเรื่องให้รู้เรื่องราวของโอบีวัน ผ่านความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสับสน สิ้นหวังของโอบีวัน รวมทั้งการฉายภาพกิจวัตรประจำวันของอดีตปรมาจารย์เจไดที่วนเวียนซ้ำซากราวกับว่าแล้งไร้ซึ่งความหวัง การขับเคลื่อนเรื่องและจังหวะก็เลยถือว่าไปด้วยกันได้ ต่างจากการดำเนินเรื่องที่ชวนสับสนเล็กๆ ใน ‘The Book of Boba Fett’ 4 Ep. แรก ดูหนังมันๆส์
พร้อมๆ กับการค่อยๆ สอดแทรกเรื่องราวการไล่ล่าเจไดของอินควิซิเตอร์ ที่จริงๆ แล้วก็คือเจไดที่แปรพักตร์ที่มีความโหดร้าย และการสอดแทรก Easter Egg ในแบบที่แฟนสตาร์วอร์สรุ่นเก่าและรุ่นใหม่น่าจะเข้าถึงได้ไม่ยากมากนัก รวมทั้งการ Recap เรื่องราวเก่า ก็เลยทำให้ใน 2 อีพีแรกเป็นการอุ่นเครื่องและปูเรื่อง และก็พยายามจะทำให้เราได้เห็นภาพการล่มสลายของนิกายเจได ที่ทำให้เจไดกลายเป็นเพียงอดีต และตำนานที่ทับซ้อนระหว่างความจริงกับเรื่องโกหก มากกว่าจะมีแอ็กชันลุ้นๆ ต่อสู้ดุเดือดอย่างที่คุ้นเคยกัน หนังใหม่ 2022
ชื่อซีรีส์ : Obi-Wan Kenobi
ผู้กำกับ : Deborah Chow
ผู้เขียนบท : Joby Harold, Hossein Amini, Stuart Beattie, Hannah Friedman, Andrew Stanton
นักแสดง : Vivien Lyra Blair, Ewan McGregor, Moses Ingram, Sung Kang, Hayden Christensen, Joel Edgerton, Rupert Friend, Kumail Nanjiani
แนว/ประเภท : Action, Adventure, Sci-Fi
จำนวนตอน : 1 ซีซัน: 6 ตอน
ช่องทางรับชม : Disney+ HotStar
เริ่มออกอากาศ : 27 พฤษภาคม 2022
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ : Lucasfilm, Walt Disney Pictures