รีวิวหนัง ธี่หยด 2 Death Whisperer 2
รีวิวหนัง ธี่หยด 2 Death Whisperer 2 สานต่อตำนานสยองขวัญในแบบแอ็กชัน-แฟนตาซีสุดเดือด”ธี่หยด” เป็นหนังสยองขวัญไทยที่สร้างกระแสไวรัลอย่างถล่มทลายในปี 2566 ด้วยความหลอนสุดขีดของ “ผีชุดดำ” และการเล่าเรื่องที่ผสมผสานระหว่างไสยศาสตร์ไทยกับบรรยากาศบ้านผีสิงได้
อย่างลงตัว จนทำรายได้มหาศาลถึง 502 ล้านบาท กลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปี และการกลับมาของ “ธี่หยด 2” จึงเป็นที่จับตามองทันที ในภาคนี้ หนังเลือกที่จะขยายจักรวาลของเรื่องราว โดยเน้นไปที่ “พี่ยักษ์” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ผู้รอดชีวิตจากภาคแรก และเดินหน้าตามล่า
ตัวตนที่แท้จริงของผีชุดดำและปริศนาเบื้องหลังที่เชื่อมโยงกับ ตำนาน “ปอบตาพวง” ผีร้ายในตำนานแห่งเมืองอุตรดิตถ์ ที่ถูกเล่าขานในเอกสารเก่าแก่ของสยาม ดูหนัง ธี่หยด 2 Death Whisperer 2
เรื่องย่อ “ธี่หยด 2” Death Whisperer 2
หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกผ่านไป 3 ปี ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติ แต่สำหรับ “ยักษ์” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) พี่ชายคนโตของครอบครัว เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับการตามล่า ผีชุดดำ เพื่อแก้แค้นให้น้องสาว แย้ม (รัตนวดี วงศ์ทอง) ที่เสียชีวิตไป ยักษ์ได้รับเบาะแสว่า “ผีชุดดำ” เป็นผีที่ถูกเลี้ยงโดยหมอผีลึกลับที่ชื่อว่า “ตาพวง” ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใน “ดงขโมด” ป่าต้องห้ามที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์และสิ่งลี้ลับ
ในขณะเดียวกันที่บ้าน หยาด (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) ก็กำลังเตรียมตัวแต่งงานกับ ประดิษฐ์ (พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) ครอบครัวของพวกเขาหวังว่ายักษ์จะรอดชีวิตกลับมาทันพิธีมงคลสมรส แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะ “ผีชุดดำ” ไม่เคยจากไปไหน มันกำลังกลับมา… พร้อมกับความสยองขวัญครั้งใหม่ที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
นักแสดงนำ Death Whisperer 2
ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท “ยักษ์”
นักล่าผีที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อล้างแค้นให้ครอบครัว และค้นหาความจริงของผีชุดดำ
รัตนวดี วงศ์ทอง รับบท “แย้ม”
วิญญาณของน้องสาวที่ยังคงติดอยู่ในโลกคนเป็น
เดนิส เจลีลชา คัปปุน รับบท “หยาด”
หญิงสาวที่กำลังจะแต่งงาน แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายอีกครั้ง
พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร รับบท “ประดิษฐ์”
คู่หมั้นของหยาด ที่ต้องเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
องอาจ เจียมเจริญพรกุล รับบท “จ่าปพันธ์”
นายตำรวจที่กลายมาเป็นคู่หูของยักษ์ในการสืบหาความจริง
นักแสดงสมทบชุดใหม่
เติมเต็มเรื่องราวของหนังด้วยตัวละครหมอผี ตำนานพื้นบ้าน และเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
ความสยองขวัญที่กลายเป็นหนังแอ็กชัน-แฟนตาซีเต็มรูปแบบ
ภาคแรกของ “ธี่หยด” เป็น หนังผีที่เล่นกับบรรยากาศบ้านผีสิง และความเฮี้ยนของ “ผีชุดดำ” ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในภาคนี้ ทีมผู้สร้างเลือกที่จะขยายเรื่องราวออกไปใน แนวทางที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
“ธี่หยด 2” คือ “ภาคแห่งการล้างแค้น” ของพี่ยักษ์
จากชายหนุ่มธรรมดา เขากลายเป็นนักล่าผีที่เต็มไปด้วยอาวุธไสยศาสตร์ การต่อสู้กับภูติผีปีศาจในป่าอาถรรพ์กลายเป็นไฮไลต์หลักของหนัง
แนวหนังเปลี่ยนจาก Horror ล้วน ๆ เป็น Action-Horror-Fantasy
มีความคล้ายกับ “The Mummy” (1999) และนิยายผจญภัยลี้ลับของไทยอย่าง “เพชรพระอุมา”
มีฉากแอ็กชันที่ดุเดือด
พี่ยักษ์ไม่ได้แค่หนีผี แต่ “ซัดผี” แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปืนลูกซองกระสุนพิสมร น้ำมนต์ หรือคาถาไสยศาสตร์
“ตำนานปอบตาพวง” ถูกผูกเข้ากับเรื่องราวหลักได้ดี
เพิ่มน้ำหนักให้กับต้นกำเนิดของผีชุดดำ ทำให้มีมิติที่ลึกขึ้น
สิ่งที่ทำให้ “ธี่หยด 2” น่าสนใจ รีวิวหนัง Death Whisperer 2
ขยายจักรวาลความเชื่อไทย
หนังนำ “ตำนานปอบตาพวง” ซึ่งเป็นตำนานผีของไทยที่เก่าแก่ที่สุด มาผูกเข้ากับเรื่องราว ทำให้หนังมีความเป็น Dark Fantasy มากขึ้น แทนที่จะเป็นแค่หนังผีที่มี Jump Scare เท่านั้น
งานสร้างดีไซน์ฉากและ CG ที่พัฒนาไปอีกระดับ
งานภาพ “ยกระดับขึ้นจากภาคแรก”
โดยเฉพาะฉากใน “ดงขโมด” ป่าลึกลับที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้นลับ
การออกแบบเสียง “โปรดเถิดดวงใจ” ของ ทูล ทองใจ ยังคงเป็น ธีมหลอน ที่ทำให้หนังมีเอกลักษณ์
การมิกซ์แนวหนังได้ลงตัว
ส่วนแรกของหนัง: เน้นความสยองในโรงแรม และการถูกผีไล่ล่า
ส่วนกลาง: ผจญภัยในป่าอาถรรพ์และเผชิญหน้ากับหมอผีตาพวง
ส่วนสุดท้าย: ฉากแอ็กชันไคลแม็กซ์ ที่จัดเต็มแบบ “นรกแตก”
ข้อสังเกต ธี่หยด 2 Death Whisperer 2
ความสยองลดลงกว่าภาคแรก
เนื่องจากเนื้อหาหันไปทาง แอ็กชัน-แฟนตาซี มากขึ้น
มีตัวละครเยอะเกินไป
ทำให้บางตัวละครมีบทบาทน้อย และบางฉากดูแน่นเกินไป
Jump Scare มีบ้าง แต่ไม่หนักเท่าภาคแรก
หากใครคาดหวัง “ผีหลอกหนัก ๆ” อาจจะผิดหวังเล็กน้อย
สรุป “ธี่หยด 2” หนังแอ็กชัน-แฟนตาซีสยองขวัญ ที่ทำให้จักรวาลธี่หยดยิ่งใหญ่ขึ้น
“ธี่หยด 2” เป็น หนังที่กล้าหาญมาก ในการฉีกแนวจากหนังผีล้วน ๆ มาเป็น หนังไสยศาสตร์แอ็กชันเต็มตัว คล้ายกับ “John Constantine” หรือ “The Mummy” แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยไว้อย่างครบถ้วน และแน่นอนว่า “พี่ยักษ์” กลายเป็น ตัวละครไอคอนิก ที่อาจไปไกลถึงการมีภาคต่ออีกก็เป็นได้!
คะแนน: 8.5/10