
Thor: Love and Thunder (2022) ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี เล่าเรื่องราวภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภายในของ ธอร์ แต่การเกษียณของเขาถูกรบกวนโดยนักฆ่าข้ามจักรวาลนามว่า กอร์ นักเชือดเทพเจ้า ผู้แสวงหาการสูญพันธ์ของเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ ธอร์ควานหาความช่วยเหลือจาก ราชาวัลคีรี่, คอร์ก และแฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ ผู้ที่ทำให้ธอร์ตกใจตาค้าง เมื่อเธอกำลังถือครองค้อนโยเนียร์ของเขา ในฐานะของ เดอะ ไมตี้ ธอร์
เป็นหนังที่ให้ความบันเทิง ความตลกโปกฮา และเรื่องราวความรักได้ค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีหลายจุดที่ผมรู้สึกว่าน่าเสียดายไม่น้อย เริ่มจากเรื่องบทกันก่อนเลย บทของเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีในระดับมาตรฐานนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าบทอ่อนไปหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น ส่วนนี้ถ้ามีเวลาเล่าเรื่องเพิ่มซักหน่อย น่าจะแก้ไขได้ง่ายๆ รู้สึกทุกอย่างมันเร็วไปหมด ถ้าหนังเพิ่มให้เป็นความยาวซัก 2 ชั่วโมงกว่า และไปเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละคร Gorr the God Butcher (Christian Bale) เพิ่มอีกซักนิด เพราะประเด็นของดาวที่ตัวละครนี้อยู่ คือดาวที่งมงาย น่าจะให้เราได้เห็นบรรยากาศ และความเชื่อของชนเผ่านี้หน่อย
และเราจะได้เข้าใจตัวละครมากขึ้นด้วย ส่วนนี้ผมเสียดายจริงๆ แต่ที่เขาตัดออกอาจเป็นเพราะเวลาไม่พอ เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างเยอะ แต่นอกจากส่วนนี้บทในส่วนอื่น ก็ยังธรรมดา ไม่ได้น่าติดตามอะไรมากมาย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ สนุกบันเทิงเหมือนเดิม
สนับสนุนหนังดีๆจาก คาสิโนออนไลน์ และ ช่องดูบอล
อาจจะต้องออกตัวก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวนั้นแฟรนไชส์หนัง Thor ถือว่าเป็นหนังชุดที่ไม่ได้รู้ลึกคลุกคลีและพิศมัยอะไรมากสักเท่าไหร่ หนังทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้นก็ให้ความรู้สึกเฉยๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แอบรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่มาร์เวลตัดสินใจสร้างหนังภาคใหม่ให้กับเรื่องนี้ ในขณะที่เพื่อนๆ ฮีโร่รุ่นเดียวกันนั้นแทบจะไม่ค่อยมีโอกาสได้สานต่อมีหนังเป็นของตัวเองแล้วก็คงต้องบอกว่า Thor: Love and Thunder ยังคงเป็นหนังที่ค่อนข้างรู้สึกทิศทางของตัวเองดีอยู่ในระดับหนึ่ง เมื่อมาได้ทีมสร้างและทีมนักแสดงที่คุ้นเคยกับหนังชุดนี้ดีอยู่แล้ว จึงทำให้การทำงานและการถ่ายทอดในหนังออกมาค่อยข้างไหลลื่นเป็นอย่างดีตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงของหนัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังภาคนี้ก็ยังคงดำเนินไปตามแบบฉบับและสูตรสำเร็จเดิมที่ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่นัก
“ไทกา ไวทีที” สามารถใส่ลูกเล่นและความเป็นตัวเขาเองเข้าไว้ได้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยพรสรรค์ในการสร้างจังหวะโบ๊ะบ๊ะของเขา ถูกนำมาใช้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ จึงทำให้อรรถรสของหนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างกลมกล่อมดี เมื่อมาผนวกเข้ากับการอิมโพรไวซ์อย่างมืออาชีพของทีมนักแสดงชุดนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนังประคับประคองความบันเทิงได้ดีไปตลอดทาง
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า Thor: Love and Thunder อาจจะยังไม่ถึงกับเป็นหนังที่น่าประทับใจที่สุดของจักรวาลมาร์เวล ตัวหนังอาจจะสนุกและสร้างความบันเทิงได้ดี แต่ในด้านเนื้อหาอะไรต่างๆ ยังค่อนข้างขาดความอิมแพ็คที่อาจจะถูกคาดหวังไปสักหน่อย แต่กระนั้นก็ชื่นชมที่หนังกลับมีความเป็นเอกเขนกในตัวเองค่อนข้างเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเชื่อมโยงเข้ากับจักรวาลใหญ่ในภาพรวม ดูหนังออนไลน์ฟรี
แม้ว่าบทหนังจะยังไม่ทำให้เราซื้อสักเท่าไหร่ แต่ทีมนักแสดงของ Thor: Love and Thunder กลับมีส่วนช่วยพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างเพลิดเพลิน “คริส เฮมสเวิร์ธ” ที่กลับมารับบทเดิมที่คุ้นเคยของเขา ที่เราเลิกนับไปแล้วว่าเขาปรากฏตัวเป็นธอร์ในหนังเรื่องที่เท่าไหร่ แต่เขาก็กลายเป็นธอร์โดยธรรมชาติไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือธอร์ในรูปแบบของเขาเอง การถ่ายทอดคาแรกเตอร์ในรูปแบบตัวเองยังเป็นเสน่ห์ที่ส่งผลดีต่อหนังอยู่
ภาคนี้จะเป็นเรื่องราวต่อจาก Avengers: Endgame (2019) เมื่อหลังจากจบสงคราม Thor (Chris Hemsworth) ที่สูญเสียทุกอย่างไปแล้ว
ก็ได้ร่วมออกเดินทางไปกับเหล่า Guardians of the Galaxy จนอยู่มาวันหนึ่งเขาได้รู้ข่าวมาว่ามีวายร้ายตนใหม่ที่ออกไล่ล่าเหล่าทวยเทพ วายร้ายตนนั้นคือ Gorr the God Butcher (Christian Bale) เขามีความแค้นกับเหล่าเทพเจ้า จึงปฏิญาณไว้ว่าจะสังหารเทพทุกองค์ในจักรวาล ทว่าวายร้ายตนนี้นั้นมีพลังมหาศาลอย่างมาก และมีดาบเนโครซอร์ดที่สามารถใช้สังหารเหล่าทวยเทพได้ ดังนั้น Thor จึงต้องรวบรวมกำลังพลเพื่อเอาชนะศึกนี้ เขาได้ไปขอความช่วยเหลือจาก Valkyrie (Tessa Thompson) และ Korg (Taika Waititi) แต่นอกจาก 2 คนนี้แล้ว เขายังได้พบกับ Jane Foster (Natalie Portman) รักเก่าที่แสนเจ็บช้ำของเขา ทว่าคราวนี้เธอกลับมาพร้อมกับค้อนโยเนียร์ และได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่นามว่า Mighty Thor สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Thor: Love and Thunder (ธอร์: ด้วยรักและอัสนี) วันนี้ ดูหนังใหม่ 2022
ต่อมาด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ก็ทำออกมาได้ดีใช้ได้เลยทีเดียว เล่าเรื่องกระชับ ไม่เร็วไปไม่ช้าไป มีแวะเล่นมุขให้เราได้ขำอยู่ตลอด ที่สำคัญไม่มีช่วงไหนที่ผมรู้สึกว่าน่าเบื่อหรือง่วงเลย ถือว่าเพลินดี แต่ขอเตือนไว้ก่อน มุขบางมุขมันเป็นมุขอเมริกามากๆ บางคนอาจจะไม่ขำก็ได้ อย่างตัวละคร Axl ที่เป็นลูกของ ไฮม์ดัล (Heimdall) ก็เป็นชื่อของนักร้องวง Guns N’ Roses ซึ่งถ้าสังเกตแต่ต้นเรื่อง เราจะเห็นเด็กคนนี้ใส่เสื้อวงนี้ตลอด และในห้องนอนก็ติดโปสเตอร์ไว้ และยังมีมุขอื่นๆอีก ที่ค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะมีมุขฮาๆที่เข้าใจง่ายอีกเยอะ โดยรวมแล้วการดำเนินเรื่องถือว่าทำได้ดีใช้ได้ไม่ถึงกับดีมาก
และในภาคนี้เรายังได้อ้าแขนต้อนรับการกลับมาของ “นาตาลี พอร์ตแมน” ที่บอกตรงๆ เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะยอมกลับมาเล่นหนังฮีโร่เรื่องนี้อีกครั้ง แต่เมื่อพล็อตส่งเสริมและสตอรี่จังหวะลงตัวได้ การกลับมาของเธอในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบเสริมและเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
และเสริมเข้ามาเติมเลือดเนื้อและจิตใจให้กับตัวละครอื่นได้อย่างดีด้วย
Thor: Love and Thunder ยังเต็มไปด้วยตัวละครที่หลากหลายและใส่เอาไว้ด้วยนักแสดงรับเชิญที่พร้อมจะมีขโมยซีนไว้เพียบ แต่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “คริสเตียน เบล” ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่มัดใจและเสริมพลังให้กับภาคนี้ได้ดีเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นวายร้ายตัวใหม่ แต่การแสดงของเขาเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหา ประหนึ่งต้องมาเล่นหนังดราม่าเข้มข้นเลยทีเดียว
ถึงจะแอบเสียดายนิดหน่อย ที่ในท้ายที่สุดตัวละครอย่าง กอร์ ในเรื่องนี้ ไม่ค่อยมีโอกาสได้โชว์ศักยภาพและเนื้อแท้ของตัวละครตัวนี้ออกมาได้เด่นชัดนัก เพราะเชื่อว่าการแสดงของ คริสเตียน เบล สามารถจะบียอนด์ตัวละครนี้ไปได้ไกลกว่านี้ แต่เพราะนี่คือหนังฮีโร่ในแกนหลัก อาจจะไม่ได้มีพื้นที่มากมายนักสำหรับจุดนั้น และนั่นก็ทำให้ 3 คาแรกเตอร์หลักที่กล่าวมานั้น ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นจุดดีที่สุดของเรื่องนี้ไปโดยปริยาย
ต่อด้วยด้านการแสดง ในส่วนนี้ผมรู้สึกว่าทุกคนแสดงได้ดีตามมาตรฐานของ Marvel คือตัวละครส่วนใหญ่เป็นตัวละครที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว ทุกคนเล่นได้ตามเดิมหมดเหมือนที่เราเคยเห็นในหนังเรื่องก่อนๆ จะมีนักแสดงใหม่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่คนใหม่ที่มาก็ถือว่าแคสต์มาได้ดีเลย อย่าง Russell Crowe ในบท Zeus ป๋าแกก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานของแกเลย และแกก็ดูเหมาะกับบทนี้พอสมควรเลย และอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Christian Bale ในบท Gorr the God Butcher คนนี้คือแสดงดีโคตรๆ เป็นตัวร้ายที่ดูทรงพลังมากๆ ทุกครั้งที่แกเข้าเฟรม บรรยากาศหนังจะเปลี่ยนไปเลย เสียดายจริงๆที่บทไม่ค่อยส่งเท่าไหร่ เพราะแกแสดงดีมากแล้ว ถ้าบทส่งกว่านี้ มีเวลาให้เราได้รู้จักเขามากกว่านี้มันคงจะสุดยอดมากๆแน่นอน เพราะเราแทบไม่ได้เห็นความโหดร้ายของเขาเท่าไหร่เลย ส่วนตัวผมเลยรู้สึกว่าเวลาแกแสดงให้ดูน่ากลัวมันเลยกลายเป็นล้นไปเลย แต่ถ้าให้เขาได้โชว์ความอำมหิตมากกว่านี้ก่อน การแสดงแบบนี้มันจะพอเหมาะพอดี เปรียบง่ายๆ ก็เหมือน Thanos อะครับ ที่กว่าจะได้มามีบทบาท คือเราได้เห็นวีรกรรมเขามาก่อน ดังนั้นตอนมาปรากฎตัวมันเลยดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
โดยรวมแล้วนั้น แอบคิดเบาๆ ว่า Thor: Love and Thunder ก็แอบมีความเป็นลิเกโรงใหญ่อยู่เหมือนกันนะ เพราะต้องไปหยิบจับเล่นประเด็นเกี่ยวกับเทพเจ้า เมืองเทพ เมืองฝัน อะไรต่างๆ ความเวอวังอลังการในฉากและองค์ประกอบต่าง ๆ ก็มา แต่มันก็ยังเป็นลิเกที่ดูได้เพลินและสนุกได้ดี
ตอบสนองและแฟนเซอร์วิสได้อย่างลงตัวในระดับที่น่าพอใจ และทำให้เห็นถึงเหตุผลที่ว่า ทำไม ธอร์ จึงสมควรยังมีหนังเดี่ยวของตัวเองอีกในเรื่องนี้นั่นเอง
เอาเป็นโดยสรุปแล้ว Thor: Love and Thunder ก็ถือว่าเป็นหนังที่บันเทิงดีในระดับที่น่าจะน่าพอใจต่อแฟนๆ มาร์เวลนั่นแหละ มันอาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือมีอะไรที่น่าจดจำมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นการขยายความเรื่องราวชีวิตของเทพเจ้าสายฟ้า หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ แม้เหมือนจะว่ายเวียนวนอยู่อ่างหน่อยก็ตาม แต่ต้องยอมรับเลยว่า หนังยังคงทำออกมาได้สนุกดี และใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปได้อย่างแจ่มชัด
อีกทั้งเติมแต้มความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครยิ่งขึ้น นั่นคือเสน่ห์หลักๆ ของหนังเรื่องนี้
Thor : Love and Thunder ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี
ประเภท : แอคชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
ผู้กำกับ : ไทกา ไวทีที
นำแสดงโดย : คริส เฮมสเวิร์ธ, นาตาลี พอร์ตแมน, คริสเตียน เบล
ความยาว : 119 นาที
กำหนดฉายในไทย : 6 กรกฎาคม 2022
ช่องทางการรับชม : ดูหนังออนไลน์