
Home for Rent (2023) บ้านเช่า บูชายัญ จากเรื่องจริงคดีดังสะเทือนขวัญ สู่หนังไทยแนวสุดสยองระทึกขวัญ เรื่อง บ้านเช่าบูชายัญ Home For Rent (2023) ค่าย gdh ผลงานเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ เรื่องราวของสามีภรรยา ที่มีลูกสาววัย 7 ขวบ พวกเขาประสบปัญหาทางการเงินเลยตัดสินใจย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้านเช่า ความสยดสยองจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เมื่อ หนิง และ กวิน คู่สามีภรรยาที่มีลูกสาววัย 7 ขวบ ชื่อ อิง ประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านกลางใจเมืองไปอาศัยอยู่คอนโดของหนิง ที่คนเช่าเก่าเพิ่งย้ายออกไป แล้วปล่อยบ้านให้ ราตรี คุณหมอวัยเกษียณ และ นุช ลูกสาววัย 40 ปีมาเช่าต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้กวินปฏิเสธอย่างเต็มที่ไม่ให้ใครมาเช่าบ้านของเขา แต่เมื่อกวินมาพบกับราตรีในวันดูบ้าน เขาก็ปล่อยให้เธอเช่าอย่างง่ายดาย แล้วเขาก็รับหนังสือปกแดงมาจากราตรีเอาไว้ด้วย
หลังจากให้เช่าได้ไม่นาน หนิงก็พบว่ากวินเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดูมีความลับ ชอบหายตัวไปพร้อมกับสมุดปกแดงที่เขาหวงนักหวงหนาตอนตีสามสี่สิบห้า แถมยังมีรอยสักเป็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมที่หน้าอก ซึ่งเป็นรอยสักแบบเดียวกันกับพวกคนมาเช่าบ้านมีด้วย Home for Rent (2023) บ้านเช่า บูชายัญ เมื่อ หนิง และ กวิน คู่สามี ภรรยาที่มีลูกสาววัย 7 ขวบ ชื่อ อิง ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านไปอาศัยอยู่คอนโด แล้วปล่อยบ้านให้คนแปลกหน้ามาเช่า โดยมีผู้เช่าชื่อ ราตรี คุณหมอวัยเกษียณ และ นุช ลูกสาววัย 40
หลังจากปล่อยบ้านให้เช่าได้ไม่นาน หนิงก็พบว่ากวินเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดูมีความลับ ชอบหายตัวไปตอนตีสี่ แถมยังมีรอยสักเป็นเอกลักษณ์สามเหลี่ยม ซึ่งเป็นรอยสักแบบเดียวกันกับที่พวกคนเช่าบ้านมี ขณะที่กวินเริ่มแปลกไป หนิงก็เริ่มเห็นว่า มีอันตรายที่มองไม่เห็นตามมารังควานอิง หนิงจึงต้องทำทุกทางเพื่อปกป้องลูกสาว ของเธอจากลัทธิประหลาดนี้ให้ได้!
ขณะที่กวินเริ่มแปลกไป หนิงก็เริ่มเห็นว่ามีอันตรายจากดวงวิญญาณปริศนาตามมารังควานอิงและเธอทุกค่ำคืน หนิงจึงต้องทำทุกทางเพื่อปกป้องลูกสาวของเธอจากดวงวิญญาณ จากกวินสามีของเธอ และลัทธิประหลาดจากผู้มาเช่าบ้านให้ได้
ในด้านความหลอน ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ทำได้สมมาตรฐานผู้กำกับที่สร้างชื่อจากหนังผีนั่นแหละ แต่ถ้าใครดูหนังผีบ่อยๆ จังหวะที่ผีจะออกก็ถือว่าเป็นจังหวะแบบเดิม คาดเดาได้ ปิดตารอได้เลย จังหวะไหนจังหวะนั้นแหละ ส่วนตัวแล้วจังหวะความหลอนทำได้ดีในช่วงแรกของเรื่องในช่วงที่เขากำลังสร้างปม ก็ตรงกับที่ครอบครัวนี้ย้ายไปอยู่คอโดฯ นั่นแหละ ช่วงนี้การสร้างความหลอนที่ว่ามาเต็ม แต่พอเขาเริ่มเฉลยเรื่องราวแล้ว ความหลอนก็ค่อยๆ ลดลงไป และช่วงท้ายกับกลายรู้สึกว่าเป็นหนังแนวแหนตาซีไปเลย
แม้หนังหลายเรื่องของจิมที่ผ่านมา มักจะเล่าเรื่องลี้ลับผ่านผีหรือวิญญาณ แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังมีผีอยู่ แต่หนังทั้งเรื่องล้วนขับเคลื่อนด้วยบรรยากาศลี้ลับของลัทธิประหลาดที่มีความแฟนตาซีอยู่พอควร ทำให้หนังเรื่องนี้ก็เลยมีกลิ่นอายความเป็นกึ่งๆ Fantasy-Horror ที่ขับเน้นความหลอนจากธีมคำสาป ปริศนาความลับ และฉากความรุนแรงโหดๆ มากกว่าจะเอาผีมาหลอกกันตรงๆ และจังหวะ Jump Scare คมๆ ที่ยังทำงานได้ดีไม่แพ้หนังเรื่องก่อนๆ
และวิธีการเล่าเรื่องที่ค่อยๆ เผยปมไล่จากน้อยไปหามาก ตั้งแต่หนิง ตัวแทนของคนที่รู้น้อยที่สุด เรียกว่ารู้น้อยเท่าคนดู ไปจนถึงกวิน ผู้เข้ารีตในลัทธิด้วยเป้าประสงค์บางอย่าง และคุณหมอราตรี ผู้กำความลับเกือบทั้งหมดในหนังเอาไว้ ทั้งหมดนี้ถูกเชื่อมเข้าเป็นสามเหลี่ยมที่โยงใยเรื่องราวทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้หนังของจิมเรื่องนี้ดูมีความเข้าใกล้เส้นความบันเทิงที่เน้นบรรยากาศหลอน และวิธีการเล่าที่แปลกกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของจิมที่มักเล่าเป็นเส้นตรงกว่า
รวมทั้งการสลับไทม์ไลน์จากอดีตไปปัจจุบัน เป็นการเอาเทคนิคหนังสืบสวนสอบสวนมาใช้ได้อย่างบ้าและกล้าหาญมาก และทำได้ออกมาดูรู้เรื่องเสียด้วยแฮะ เพราะถ้าทำออกมาชุ่ยนี่รับรองดูไม่รู้เรื่องแน่นอน จนเมื่อองก์สุดท้าย ตัวหนังก็ค่อยๆ บีบแคบลงด้วยสถานการณ์ที่ทำให้คนดูค่อยๆ ปะติดปะต่อเหตุการณ์ของทั้ง 2 ช่วงเวลาเพื่อคลี่คลายปริศนาและเงื่อนงำบางอย่าง และหาบทสรุปของหนังที่ทิ้งเอาไว้และตามมาเก็บกลับได้แบบว่าร้องอ๋อเลย รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวหนังพามาลึกและไกลมากๆ ชนิดที่เรียกว่าตัวอย่างหนัง (ที่แอบไม่ค่อยน่าสนใจ) นี่จริงๆ แล้วเป็นแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง
อีกหนึ่งความน่าสนใจก็คือประเด็นความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเป็นศูนย์กลางของเนื้อเรื่อง ที่แอบชวนให้คิดถึงหนังสยองขวัญฮอลลีวูด ‘Insidious’ (2010) อยู่นิดหน่อย รวมทั้งการแฝงประเด็นด้านเศรษฐกิจ เหมือนกับหนังของจิมเรื่องก่อนๆ ในองก์แรก พุ่งประเด็นไปถึงการดิ้นรนดำรงชีพของครอบครัวชนชั้นกลางในเมือง ที่ต้องการย้ายไปอยู่คอนโด เพราะใกล้โรงเรียนของอิง และเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง เลยจำต้องหาผู้เช่าบ้านด้วยราคาสูงๆ แต่แม้ว่าจะได้ผู้เช่าที่ยอมสู้ราคา แต่ทว่าผู้เช่ารายนั้นก็ได้นำเอาลัทธิประหลาดมาสู่กวินและคนในครอบครัวนี้ในที่สุด
ทั้งการสร้างบรรยากาศและใส่สัญลักษณ์ต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ สังเกตได้เลยว่าทุกจังหวะถูกใส่เข้ามาได้อย่างเก็บรายละเอียดค่อนข้างดี ถึงมันจะมีโมเมนต์สะดุ้งตุ้งแช่ให้น่าหงุดหงิดใจระหว่างดูอยู่เล็กๆ น้อยๆ เป็นกิมมิกบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการบิวท์และสร้างอรรถรสให้กับผู้ชมในบางโอกาสเท่านั้น ต้องขอปรบมือให้กับงานออกแบบโปรดักชั่นเรื่องนี้ ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ดีชนิดที่พูดออกมาไม่ได้เลยในแต่ละฉาก เพราะเสี่ยงการหลุดเนื้อหาในหนังแทบจะทุกซีน
ทางด้านการแสดงนั้น ถือว่าหนังมีช่องไฟให้นักแสดงได้มีโอกาสปล่อยพลัง-ปล่อยแสงกันได้อย่างเต็มที่ทีเดียว “มิว นิษฐา” คือเป็นตัวยืนเรื่องโดยแท้ ในช่วงครึ่งแรกของหนังเป็นนาทีทองที่เธอได้ปลดปล่อยทักษะการแสดงออกมาได้อย่างเต็มเหนี่ยว หนังสามารถทำให้เราได้เห็นอีกด้านทางการแสดงของมิวที่ยังไม่ค่อยจะได้เห็นเธอในบทบาทแบบนี้สักเท่าไหร่ และเธอก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีใช้ได้
ในขณะที่ช่วงครึ่งหลังของหนัง ปล่อยให้แสงไฟสาดไปหา “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ก็ถือว่าเขาทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานการแสดง เพียงแค่บทบาทและลีลาในลักษณะนี้นั้น เราก็อาจจะเห็นเคยเขาถ่ายทอดออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดของพี่เวียร์ แต่เขาก็ทำออกมาได้ดีในส่วนที่เขารับผิดชอบ เช่นเดียวกับ “ต่าย เพ็ญพักตร์” ที่มานิ่งๆ ก็เชือดได้ดี เข้าทุกบาทได้อย่างสาแก่ใจ
แต่อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คงจะเป็นนักแสดงเด็ก น้องกัสจัง ที่เป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ในหนังที่ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เพราะดูเหมือนว่าตัวละครนี้จะมาแค่เพียงเสริมสมทบเท่านั้น แต่เนื้อในของหนังนั้นถือว่าน้องมอบการแสดงที่เก่งกาจแบบน่าประหลาดใจ ทั้งที่ยังตัวเล็กประสบการณ์แค่นี้ แต่แบกรับหน้าที่และตีความการแสดงออกมาได้เหมือนกับนักแสดงผู้ใหญ่ได้เลยทีเดียว
คงจะต้องบอกว่า บ้านเช่าบูชายัญ น่าจะเป็นหนังที่คืนฟอร์มให้กับค่ายจีดีเอชและผู้กำกับได้อย่างโดยแท้ ปลุกความน่ารักและความสะพรึงออกมาได้ถึงกึ๋นในระยะเวลา 2 ชั่วโมงของหนัง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะยังไม่ได้สมบูรณ์ในทุกๆ ด้านอะไร ยังมีข้อดีข้อด้อยปะปนกันไปตลอดทั้งเรื่อง ซ้ำแล้วเมื่อมองออกมาดูในภาพรวมแล้วนั้น หนังอาจจะยังไม่ค่อยโมเมนต์ที่ทำให้คนดูจดจำได้สักเท่าไหร่ ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอยู่เช่นกัน บ้านเช่าบูชายัญดูฟรี
แต่กระนั้นแล้ว บ้านเช่าบูชายัญ ก็คงต้องบอกว่าเป็นหนังที่ทำออกมาได้อย่างพิถีพิถัน และใส่องค์ประกอบต่างๆ ออกมาได้ลงล็อกลงจังหวะได้ค่อนข้างดี พวกเขารู้ว่าคนดูต้องการเสพอะไร พยายามสร้างอรรถรสความหลอนให้ถึงแก่นของคนดู ถึงจะเตรียมตัวใจและคาดเดาเกร็งข้อสอบเอาไว้ก่อนจะไปดู แต่หนังก็ยังสามารถสร้างเซอร์ไพรส์กลับคืนมาใส่คนดูได้ดีกว่าที่คิด และนี่แหละคือผลงานจากตัวจริงเรื่องความหลอน!
การนำเสนอรูปแบบของผีก็ถือว่าทำได้ดี แต่อาจจะขัดใจกับคนไทยที่ชอบดูหนังผีแบบไทยๆ ไปสักหน่อย มันมีความเป็นหนังผีฝรั่งมากๆ ก็อาจจะมองว่าสามารถนำไปขายต่างชาติได้ด้วยนะ เพราะพล๊อตเรื่องหลักเกี่ยวกับลัทธิ ความเชื่อ ความหลอน มันมีอะไรที่เป็นความสากลมากๆ อยู่ในหนังอยู่แล้ว
ส่วนตัวแล้วฉากหลอนที่ชอบมากๆ ก็เช่นฉากที่นางเอกเห็นอะไรบางอย่างอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า ฉากที่นางเอกย่องขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกเพื่อแอบดูว่าสามีกำลังทำอะไร ฉากที่เจ้าลัทธอหลอนไล่ตาม วิญญาณของเด็กคนหนึ่งอยู่บนใต้หลังของบ้าน
หนังมีการหักมุมหลายตลบอย่างที่ผู้กำกับได้กล่าวไว้ในสัมภาษณ์ ทุกครั้งที่มีการหักมุมก็ถือว่า สามารถสร้างความประหลาดใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็อีกนั่นแหละสำหรับใครที่เป็นแฟนหนังผีตัวยง นับตั้งแต่เริ่มมีการคลายปมต่างๆ แล้ว ก็คงจะสามารถคาดเดาอะไรเหล่านี้ได้ไม่ได้อยากเย็นมากนัก แถมมันยังมีความซ้ำซากด้วยนะ
และที่สำคัญในการสรุปเรื่อง หากใครดูหนังฝรั่งบ่อยๆ ก็ยิ่งจะคาดเดาตอนจบได้เลย และตอนจบเก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ ไม่ได้มีการประทับใจเลย ขอแอบบอกว่าถ้าหากใครได้ดู The skeleton key (2005) มาแล้วก็ถือว่าจบข่าว
หนังเล่นกับ timeline ได้ดีมาก เล่าเรื่องเก่ง การเล่าเรื่องแบบย้อนกลับผ่านมุมมองของตัวละครต่างแง่มุม ในช่วงผูกปมก็เล่นกับมุมมองของหนิงได้ดี แล้วก็ทำให้ตัวละครของกวินมีความน่าสงสัยมากที่สุด บางจังหวะก็ทำให้เราสงสัยว่าเพราะเหตุใดตัวละครของกวินทำไมต้องตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นลงไป มันดูแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่พอหนังตัดมาเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของกวิน มัน สามารถตอบคำถามข้อสงสัยอะไรหลายอย่างในเรื่องได้แทบทั้งหมด ต้องยอมรับว่าผู้กำกับและคนเขียนบทเขาวางปมได้เก่ง และคลี่คลายปมได้ดีมาก
ในความดีงามของหนังก็ต้องขอยกให้กับการสร้างบรรยากาศ การใช้เพลงประกอบในการดึงอารมณ์ของคนดูในแต่ละจังหวะได้ดี การเลือกอุปกรณ์ประกอบฉากก็ทำได้ดี เช่นตุ๊กตาเด็กยังหลอนเลย แม้กระทั้งบ้านและคอนโดก็ยังหลอน องค์ประกอบเหล่านี้ถือว่าทางทีมสร้างเขาคิดมาได้ดีมาก ผสมผสานกับกระนำอนุภาคเล็กของหนังสยองขวัญฝรั่งเช่น นกกา อะไรเหล่านี้ก็ดี
ก็เอาเป็นว่า แม้บ้านเช่าบูชายัญอาจจะเป็นหนังผีที่ไม่ได้ลุ่มลึกเท่ากับลัดดาแลนด์นัก แต่ก็สามารถนำไปฉายได้ทั่วโลกเพราะเข้าใจได้ไม่ยาก ถึงอย่างไร gdh ก็คือความหวังสูงสุดของหนังผีไทยในบ้านเรา ที่ไม่ได้เอาแต่วิ่งหนีผี กรี๊ดกราดหรือด่าหยาบๆ ใส่กันทั้งเรื่อง บ้านเช่าบูชายัญเต็มเรื่อง
ประเภท : สยองขวัญ / ดราม่า
ผู้กำกับ : โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
นำแสดงโดย : นิษฐา คูหาเปรมกิจ, ศุกลวัฒน์ คณารส
ความยาว : 124 นาที
ฉายในไทย : 6 เมษายน 2023